วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ทฤษฎีและแนวคิดจัดการศึกษาสำหรับเด็กวัยก่อนเรียน
เด็กก่อนวัยเรียน หรือเด็กปฐมวัย เป็นวัยที่กำลังซุกซน  เริ่มเรียนรู้ และทำความรู้จักสภาพแวดล้อมต่างๆ โดยเฉพาะการเรียนรู้จักผู้คน สิ่งของ สภาพแวดล้อม ธรรมชาติ การสื่อสาร การพัฒนาการเรียนรู้ทางด้านภาษาทำให้สามารถสื่อสารได้ด้วยการพูดได้มากขึ้น  มีความเข้าใจการสดงออกต่างๆมากขึ้น
     การที่เด็กได้เรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆทำให้เด็กแสดงพฤติกรรมที่อยากรู้อยากเห็น ช่างซักถามซุกซนชอบสำรวจ  ชอบปฏิเสธ  ต้องการอิสระ เป็นตัวของตัวเองต่อต้านคำสั่งของผู้ใหญ่(โดยเฉพาะในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน)เริ่มเรียนรู้การทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น  เรียนรู้เหตุผลสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก  และเรียนรู้วิธีแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง
  นักการศึกษาและนักวิชาการได้ศึกษาเกี่ยวกันการพัฒนาการ  แนวคิดและแนวปฏิบัติในการจัดการศึกษาสำหรับเด็กก่อนวัยเรียนไว้หลากหลายรูปแบบด้วยกันซึ่งใบที่นี้ได้รวบรวมไว้เพียงบางส่วน และทุกทฤษฎีมุ่งเน้นที่จะพัฒนาการเรียนรู้สำหรับเด็กกลุ่มนี้ ตามหลักการต่างๆเพื่อให้เด็กในวัยนี้เกิดการเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพเพราะช่วงวัยนี้เป็นช่วงสำคัญของพัฒนาการในด้านต่างๆสำหรับเด็กในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ต่อไป



ทฤษฎีการเรียนรู้ของบรูเนอร์

บรูเนอร์(Bourne,1973,อ้างใน ทิศนา แขมมณี,2544)
ได้จัดลำดับขั้นพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กโครงสร้างทางสติปัญญาเป็น3ขั้นดังนี้
1.            Enactive stage เด็กจะเรียนรู้และเข้าใจสิ่งแวดล้อมโดยผ่านการกระทำหรือการลงมือปฏิบัติ เช่น การสัมผัส การเคลื่อนไหว เป็นต้น การเรียนรู้ในขั้นนี้มีความสัมพันธ์โดยตรงกับความสามารถด้านการเคลื่อนไหวการเต้นรำ  และการใช่ร่างกายในการแสดงออกซึ่งความรู้ของตน
2.            Iconic stage  จะเรียนรู้ผ่านการมองรูปภาพ หรือตัวแบบ เด็กเริ่มวิธีการพัฒนาวิธีการจำโดยการใช้จินตนาการมากขึ้นความเข้าใจในสิ่งต่างๆรอบตัวของเด็กจะขึ้นอยู่กับการรับรู้โดยการใช่ประสาทสัมผัสมากกว่าการใช้ภาษา เช่น เสียงดัง ความสว่าง เป็นต้นการเรียนรู้ในขั้นนี้มีความสัมพันธ์โดยตรงกับการเรียนหรือการแสดงออกผ่านรู้ซึ้งเป็นแรงผลักดันให้เกิดพฤติกรรมสำรวจสภาพสิ่งแวดล้อมและเกิดการเรียนรู้โดยการค้นพบแนวคิดพืนฐานของทฤษฏีการเรียนรู้นอกจากนี้บรูเนอร์ได้ให้หลักการเกี่ยวกับการสอนดังนี้
1.กระบวนการความคิดของเด็กแตกต่างกับผู้ใหญ่ เวลาเด็กทำผิดเกี่ยวกับความคิด ผู้ใหญ่ควรจะคิดถึงพัฒนาการทางเชาว์ปัญญา ซึ้งเด็กแต่ละวัยมีลักษณะการคิดที่แตกต่างกันไปจากผู้ใหญ่ ครูหรือผู้มีความรับผิดชอบทางการศึกษาจะติองมีความเข้าใจว่าเด็กแต่ละวัยมีความรุ้อย่างไร และกระบวนการรู้คิดของเด็กไม่เหมือนผู้ใหญ่(Intellectual Emphathy)
2.เน้นความสำคัญของผู้เรียน ถือว่าผู้เรียนสามารถจะควบคุมกิจกรรมการเรียนรู้ของตนเองได้(Self-Reguilation)และเป็นผู้ที่จะริเริ่มหรือลงมือกระทำฉะนั้นผู้มีหน้าที่สอนและอบรมมีหน้าที่จัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ในการค้นพบโดยให้โอกาศผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
3.ในการสอนควรจะเริ่มจากประสบการณ์ที่ผู้เรียนคุ้นเคยหรือประสบการณ์ที่ใกล้ตัวเพื่อให้ผู้เรียนมีความเข้าใจ เช่นการสอนให้นักเรียนรู้จักใช่แผนที่ ควรจะเริ่มจากแผนที่ของจังหวัดของผู้เรียนก่อนแผนที่จังหวัดอื่นหรือแผนที่ประเทศไทย